ปรับองค์กรให้ “Lean” เปลี่ยนองค์กรให้ “เร็ว” ด้วย 5 หลักการทำงานแบบ Startup
แม้จะมีจุดเริ่มต้นในฐานะตำราแห่งสตาร์ทอัพ แต่จริงๆแล้ว วิธีคิดแบบผู้ประกอบการนี้ ก็สามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจหรือองค์กรขนาดใหญ่ได้เช่นกัน จนเป็นที่มาของหนังสือ “The Startup Way”
สำหรับการบริหารและการทำงานแบบสตาร์ทอัพในองค์กร ที่จะช่วยให้องค์กรคุณมีประสิทธิภาพ มีความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน ในแบบของ Lean Organization และเป็นแนวทางในการรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นั้น ทาง Eric Ries ได้สรุปออกมาเป็นหลักการเบื้องต้น 5 ข้อ ดังนี้
1. การพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง (Continuous Innovation)
การเติบโตอย่างยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ ต่อเมื่อองค์กรสามารถสร้างนวัตกรรมได้ต่อเนื่อง ซึ่ง Eric Ries มองว่าองค์กรสามารถนำกระบวนการ “สร้าง วัดผล และเรียนรู้” แบบผู้ประกอบการมาใช้ได้
นั่นคือเมื่อเกิดไอเดียใหม่ๆขึ้น ก็ให้ “สร้าง” ตัวผลิตภัณฑ์ต้นแบบขึ้น เพื่อทดสอบและ “วัดผล” จากนั้น นำข้อมูลที่ได้นั้น มา “เรียนรู้” และวนลูปต่อเนื่องไป เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่ Eric เน้นคือการเรียนรู้ให้เร็ว เพราะเราไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคต การปล่อยให้ผลิตภัณฑ์อยู่ในแผนก R&D นาน 2–3 เพื่อรอให้สมบูรณ์ ถึงตอนนั้นก็อาจจะตกยุคไปแล้วก็ได้
แต่ถ้าเราเริ่มเร็ว ผิดพลาดเร็ว ก็ใช้เป็นบทเรียนเพื่อพัฒนาต่อได้อย่างรวดเร็ว
2. สตาร์ทอัพในองค์กร เปรียบเสมือนหน่วยงานหนึ่งในองค์กร (Startup as an atomic unit of work)
เพื่อให้เกิดการสร้างนวัตกรรมต่อเนื่องตามข้อ 1 องค์กรจำเป็นต้องมีทีมเพื่อทดลอง และค้นหาแหล่งที่มาของการเติบโต (sources of growth) ใหม่ๆ เพื่อเป็นเหมือนสตาร์ทอัพภายในองค์กร
แต่ในความอิสระของการทำงานนั้นก็ต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นระบบจากองค์กรด้วย
3. การมีแนวคิดและคุณสมบัติของผู้ประกอบการ (The Missing Function)
ความท้าทายของการสร้าง “สตาร์ทอัพภายในองค์กร” คือคนในองค์กรมักมี mindset แบบพนักงานที่ทำงานในกรอบ ตามที่ได้รับมอบหมาย จึงมักขาดคุณสมบัติของผู้ประกอบการไป
แต่หากต้องการให้สตาร์ทอัพภายในองค์กรเกิดขึ้น ก็จำเป็นต้องหาจิ๊กซอว์ส่วนนี้ให้เจอ เพราะนี่คือหน่วยงานที่ต้องทำในสิ่งที่ขัดต่อธรรมเนียมปฏิบัติแบบเดิมขององค์กรขนาดใหญ่
4. การเปลี่ยนการทำงานเป็นแบบสตาร์ทอัพ เป็นเหมือนการก่อตั้งองค์กรขึ้นใหม่อีกครั้ง (The Second Founding)
ถ้าข้อ 3 คือความท้าทายสำคัญแล้ว เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องยากที่สุดก็ได้ในการปฏิรูปองค์กรให้เข้าสู่วิถีสตาร์ทอัพ
เพราะไม่ว่าจะองค์กรที่อายุ 5 หรือ 100 ปี ก็ล้วนแต่มีวัฒนธรรมองค์กรเฉพาะตัวอยู่ จนอาจจะยากต่อการ เปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้มุ่งหน้าไปตามวิสัยทัศน์ใหม่
นั่นทำให้การปฏิรูปองค์กร (Transformation) เป็นเหมือนการที่คุณต้องเริ่มนับหนึ่งตั้งองค์กรขึ้นใหม่
Tip: สามารถศึกษาตัวอย่างแนวทางการสร้าง culture ในแบบของ Netflix ได้ที่
>> bit.ly/PattyMcCord_NetflixCulture
5. ไม่หยุดที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง (Continuous Transformation)
การ transform องค์กร ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว แล้วจบไป แต่ผู้บริหารจำเป็นต้องปรับ DNA ขององค์กร ให้สามารถที่จะปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ตลอด เพื่อรับกับความท้าทายใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ซึ่งทั้งหมดนี้ Eric Ries ย้ำว่า “เราทุกคน” ไม่มีทางเลือกอะไรทั้งสิ้น
มีแต่ต้องลงมือทำเท่านั้น เพื่อการพัฒนาองค์กรให้ก้าวต่อไปข้างหน้า
อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยรับมือกับสถานการณ์หรือวิกฤต ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คือ การไม่หยุดพัฒนานวัตกรรม แม้ในภาวะวิกฤต โดยหนึ่งในเครื่องมือ ที่จะช่วยเป็นแนวทางในการสร้างนวัตกรรมในสภาวะเช่นนี้ คือ Innovation Continuity Plan™ (ICP) แผนการสร้างนวัตกรรมในภาวะวิกฤต โดยสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีที่ >> bit.ly/GetToKnow_ICPbyRISE
สามารถรับชมเนื้อหาฉบับเต็ม และเนื้อหาอีกมากมายจากองค์กรชั้นนำ อาทิ Facebook, Amazon, 500 Startups รวมถึง speakers ระดับโลก อย่าง Patty McCord อดีต Chief Talent Officer ได้ที่ >> bit.ly/FullContent_CIS2020
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างนวัตกรรมองค์กรได้ที่
Email: hello@riseaccel.com
Originally published at https://www.riseaccel.com on January 28, 2021.