จบลงอย่างยิ่งใหญ่ กับงาน ‘Future Trends Ahead Summit 2025’ งานสัมมนาเทรนด์แห่งปี เพื่อ ‘โอกาส’ ทางธุรกิจและ ‘การลงทุน’ แห่งอนาคต
สิ้นสุดลงแล้วกับงาน “Future Trends Ahead Summit 2025” งานสัมมนาเทรนด์แห่งปี เพื่อ ‘โอกาส’ ทางธุรกิจและ ‘การลงทุน’ แห่งอนาคต ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 9:00–18:00 น. ณ True Digital Park Grand Hall ชั้น 3 | True Digital Park West
งานนี้เป็นครั้งแรกของการรวมตัวของสถาบันวิจัยชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ ที่มาร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์บนเวทีเดียวกัน ได้แก่ SCBX, SCB EIC, InnovestX, หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, SBDi, Ipsos, THINK NEXT ASIA (TrendWatching), FutureSkill, aomMONEY และ Future Trends
ผ่านผู้เชี่ยวชาญเทรนด์ในด้านต่าง ๆ ระดับโลกและระดับประเทศที่มาร่วมเวที อาทิ ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), รองศาสตราจารย์ ดร.ปกรณ์ ศิริประกอบ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สุธีรพันธุ์ สักรวัตร Chief Customer Officer of SCBX, สุทธิชัย คุ้มวรชัย หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด, ดร.สันติธาร เสถียรไทย นักเศรษฐศาสตร์ นักเขียนและผู้บริหารผู้มีประสบการณ์ทำงานทั้งในภาคการเงิน ภาคเทคโนโลยี ภาครัฐและภาควิชาการทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก
โดย หมอคิด หรือ นายแพทย์ ศุภชัย ปาจริยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง RISE ได้ร่วมบรรยายในหัวข้อ “Decoding World Economic Forum 2025: What It Means for Business & Society” นำเสนอ 3 เทรนด์เทคโนโลยีสำคัญที่จะกำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลก และเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทย ได้แก่ AI, Healthcare และพลังงานฟิวชัน
1. AI + Healthcare ปฏิวัติวงการแพทย์
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามาปรับเปลี่ยนวงการแพทย์อย่างก้าวกระโดด ซึ่ง Demis Hassabis (Co-Founder & CEO, Google DeepMind) กล่าวถึงศักยภาพของ AI ในการเร่งกระบวนการพัฒนายาใหม่ให้รวดเร็วขึ้นจาก 10 ปี เหลือเพียง 12 เดือน ซึ่งเป็นการพลิกโฉมอุตสาหกรรมยาและการแพทย์ทั่วโลก
ประโยชน์สำคัญของ AI ในอุตสาหกรรมการแพทย์ ได้แก่:
- การพัฒนายาใหม่ (Drug Discovery) ที่รวดเร็วกว่าการทดลองแบบเดิม
- การแพทย์เฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) ซึ่งสามารถให้การรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ (Predictive Analytics) ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้แม่นยำขึ้น
- การตรวจหาโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น (Early Disease Detection) เพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วย
ซึ่งประเทศไทยมีโอกาสอย่างมากในตลาด ‘Medical Tourism’ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งของประเทศเพราะประเทศไทยมีโรงพยาบาลมาตรฐานสากล JCI มากถึง 62 แห่ง มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีบุคลากรทางการแพทย์ของไทยมีความเชี่ยวชาญสูง และค่ารักษาพยาบาลต่ำกว่าประเทศตะวันตก โดยผู้ป่วยจากทั่วโลกนิยมเดินทางมารักษาที่ไทย โดยเฉพาะด้านศัลยกรรมและการรักษาขั้นสูง
หากไทยสามารถสร้าง ‘Global Health Hub’ ได้สำเร็จ จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล โดยต้องมุ่งเน้นการวิจัย การพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ และการส่งเสริมสตาร์ทอัพด้านสุขภาพและเทคโนโลยีทางการแพทย์
2. AI & Productivity: ยุคใหม่ของ ‘คน + AI’
คาดการณ์ GDP ของไทยในปี 2567 คาดว่าจะเติบโตเพียง 2.5% ซึ่งถือว่ายังล้าหลังประเทศเพื่อนบ้าน การนำ AI เข้ามาใช้ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมจะเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มผลิตภาพทางเศรษฐกิจ (Productivity) โดย AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจในหลายด้าน เช่น:
- การบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อช่วยให้ธุรกิจตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วขึ้น
- AI-Driven Automation ช่วยลดต้นทุนแรงงานและเพิ่มความแม่นยำในการผลิตสินค้า
- AI ในภาคการเงิน สามารถช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพของการลงทุน
- AI ในอุตสาหกรรมการศึกษา ช่วยให้การเรียนรู้เป็นแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้น (Personalized Learning)
องค์กรและบริษัทที่สามารถนำ AI มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างมหาศาล
3. Fusion Energy: พลังงานสะอาดแห่งอนาคต
พลังงานฟิวชัน (Fusion Energy) กำลังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลก เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานที่สะอาด ปลอดภัย และไม่มีมลพิษ ซึ่งสามารถทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลได้ในระยะยาว เพราะจุดเด่นของ Fusion Energy
คือการเป็นพลังงานสะอาด 100% และสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องพึ่งพาสภาพอากาศเหมือนพลังงานหมุนเวียน ไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน และไม่มีสารกัมมันตรังสีตกค้าง ทำให้ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม
ดังนั้นจึงถือเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยในการนำเทคโนโลยีพลังงานฟิวชันมาใช้ ซึ่งปัจจุบันหลายประเทศกำลังแข่งขันและเร่งพัฒนาพลังงานฟิวชัน โดยเฉพาะโครงการ ITER ในยุโรป ซึ่งกำลังเข้าใกล้ความเป็นจริง หากประเทศไทยสามารถร่วมลงทุนหรือพัฒนาเทคโนโลยีในด้านนี้ จะสามารถเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดในภูมิภาคได้
ประเทศไทยจะรอดหรือไม่? ทางเลือกอยู่ที่เรา!
หมอคิด หรือ นายแพทย์ ศุภชัย ปาจริยานนท์ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “ประเทศไทยมีศักยภาพในการก้าวสู่เศรษฐกิจแห่งอนาคต แต่เราต้องลงมือทำทันที” พร้อมเน้นย้ำว่า “เราต้องเปลี่ยนจากผู้ใช้เทคโนโลยี มาเป็นผู้สร้างนวัตกรรม เพราะอนาคตของไทยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราทุกคน”
สำหรับผู้ที่มีบัตรเข้าร่วมงาน สามารถติดตามรายละเอียดการรับย้อนหลังได้ในเร็ว ๆ นี้ ทางเพจ Future Trends (https://www.facebook.com/futuretrends.th)
ส่วนผู้ที่พลาดงานนี้ไป ยังคงสามารถดาวน์โหลดหนังสือ ‘Future Trends Ahead 2025 Presented by SCBX’ ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่ลิงก์