5 แนวทางปฏิบัติ สร้างคุณค่าต่อสังคมอย่างยั่งยืนด้วย “นวัตกรรมองค์กรเพื่อสังคม”
สร้างคุณค่าต่อสังคมอย่างยั่งยืนด้วย “นวัตกรรมองค์กรเพื่อสังคม” [พร้อม 5 แนวทางปฏิบัติ]
กว่าหลายทศวรรษที่ Corporate Social Responsibility หรือ CSR ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการบริหารองค์กรทั่วโลก ผู้บริโภคต่างคาดหวังที่จะเห็นองค์กร ทำหน้าที่เป็นขุมพลังในการขับเคลื่อนให้สังคมหรือโลกไปในทิศทางที่ดีขึ้น ผ่านกิจกรรมที่ช่วยเหลือและสนับสนุนสังคมไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหาการศึกษา ปัญหาความเหลื่อมล้ำ รวมไปถึงประเด็นทางสังคมอื่นๆ ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ
สังเกตได้ว่า องค์กรในปัจจุบันไม่ได้สื่อสารแค่เรื่องสินค้าและบริการที่ดีกว่าคู่แข่งเท่านั้น แต่เน้นสื่อสาร ‘Brand Purpose’ วิสัยทัศน์และภารกิจที่มุ่งเน้นการให้คุณค่ากับสังคมมากยิ่งขึ้น
แต่ในปีที่ผ่านมา การระบาดของ COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคตั้งตารอ ‘Actions’ หรือการลงมือทำ เพื่อช่วยเหลือสังคมที่เป็นรูปธรรมมากกว่าเดิมจากองค์กร ไม่ใช่แค่คำพูด PR หรือ Branding
จากรายงาน Connecting the Dots 2021 จาก Global Web Index พบว่า
กว่า 41% ของผู้บริโภคต้องการเห็นองค์กรต่าง ๆ ให้ความสำคัญปัญหาทางสังคมมากยิ่งขึ้น
ซึ่ง Twitter ก็ได้นำเสนอผลการสำรวจความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ ผู้บริโภคกว่า 77% เห็นด้วยว่าพวกเขารู้สึกดีต่อแบรนด์ที่มีความพยายามที่จะช่วยเหลือสังคมในช่วงการระบาดของ COVID-19
ตัวอย่างที่น่าสนใจจากองค์กรใหญ่ทั่วโลก ไม่ว่าเป็นฝั่งบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Facebook ที่ออกฟังก์ชันใหม่ ‘Business Nearby’ รวมถึง สติกเกอร์ พร้อม #SupportLocal ใน Instagram บริษัทในเครือ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถร่วมกันสนับสนุนธุรกิจเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ผู้บริโภค
หรือฝั่งแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคอย่าง P&G แม้จะไม่ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีโดยตรง แต่ก็ได้จัด Virtual Innovation Challenge หรืองานประกวดนวัตกรรมแบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เพื่อเฟ้นหาเทคโนโลยีที่สามารถช่วยเหลือผู้บริโภคในด้านความเป็นอยู่และสุขภาพในสภาวะที่ยากลำบากในช่วงปีที่ผ่านมา
จะเห็นได้ว่านอกจากการทำ CSR โดยทั่วไป อย่างการบริจาคเงิน สิ่งของที่จำเป็น
นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อสังคม หรือ Social Innovation คือ อีกหนึ่งทางเลือกที่หลายองค์กรกำลังมุ่งหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องนับจากนี้เป็นต้นไป
เพราะ นวัตกรรมและเทคโนโลยี ไม่เพียงแต่ให้การช่วยเหลือในระยะสั้น แต่เป็นการคิดค้นพัฒนาและนำเสนอโซลูชันที่จะแก้ปัญหาทางสังคมที่ตอบโจทย์ได้ในวงกว้างขึ้น (Scability) ตรงจุดมากขึ้น และยั่งยืนมากขึ้น (Sustainability)
ซึ่ง ‘ความยั่งยืน’ นับเป็นวาระหลักของโลกที่ทุกภาคส่วนต้องการผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมและแก้ไขปัญหาได้จริง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติ (United Nations) เป็นเสมือนแม่ทัพใหญ่ที่คอยรวมกำลังและทรัพยากรจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และบุคคลทั่วไป เพื่อให้เกิดความร่วมมือกัน ในการทำ Sustainable Development Goals หรือ SDGs เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ข้อ ที่คิดค้นโดยองค์การสหประชาชาติให้สำเร็จ โดยมุ่งแก้ปัญหาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
ซึ่งหลายองค์กรใหญ่ได้นำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนมาเป็นเป้าหมายในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสังคมให้กับองค์กร อย่าง Nike แบรนด์กีฬาที่มีมูลค่าแบรนด์กว่า 34.8 ล้านเหรียญที่มีการตั้งเป้าหมาย SDG ในข้อ 12 ด้านแผนการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืนอย่างจริงจัง ผ่านโปรเจค Move to Zero ที่ Nike มุ่งหน้าลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกและขยะที่เกิดจากการผลิตให้เป็น 0 เพื่อเป็นส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อน โดยล่าสุด Nike ได้นำนวัตกรรมทางด้านวัสดุและ Circular Design ที่เน้นการออกแบบอย่างยั่งยืน มาใช้ในการผลิต Nike Air VaporMax 2020 Flyknit ที่ทำมาจากเส้นใยฟลายนิตที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล (Recycled Flyknit Yarn)
ในยุคหลัง COVID-19 นี้ เศรษฐกิจโดยรวมจะอยู่ในช่วงฟื้นตัวทั่วโลก เราจะเห็นอีกหลายองค์กรที่เดินหน้าคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสังคมอย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ประเด็นทางสังคมที่เกิดขึ้นหรือทวีความรุนแรงขึ้นในยุค New Normal
แนวทางปฏิบัติขององค์กร ที่ต้องการเริ่มดำเนินการและพัฒนา นวัตกรรมองค์กรเพื่อสังคม (Corporate Social Innovation)
ประเด็นทางสังคมที่องค์กรต้องการนำนวัตกรรมเข้าไปช่วยแก้ปัญหา ควรเริ่มจากเป้าหมายหรือจุดแข็งขององค์กรที่มีความเชี่ยวชาญ มีทรัพยากร และบุคคลกรอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการสร้างนวัตกรรมทั้งกับตัวองค์กรเองและสังคม
การแก้ปัญหาทางสังคม เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ต้องศึกษาทั้งในแง่ของความต้องการของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหานั้นและสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับปัญหาให้ดีเสียก่อน ซึ่งเราสามารถนำหลักการ Empathy หรือ การทำความเข้าใจผู้บริโภคอย่างถ่องแท้ หนึ่งในขั้นตอนของ Design Thinking กระบวนการออกแบบนวัตกรรมที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกมาใช้ในการหาโซลูชันที่ตอบโจทย์และยั่งยืน
การร่วมมือกันระหว่างองค์กรใหญ่กับสตาร์ทอัพเพื่อสังคม หรือหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในประเด็นสังคมต่าง ๆ โดยนำความรู้และจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาร่วมพัฒนาเป็นนวัตกรรมองค์กรเพื่อสังคมที่ตอบโจทย์และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถทำในรูปแบบที่เป็นหนึ่งต่อหนึ่งในกลุ่มเล็กที่เกิดจากการพูดคุยกัน หรือจัดเป็น Hackathon หรือการแข่งขันทางนวัตกรรมที่ให้ประชาชนที่มีความสามารถและมีความรู้ด้านนวัตกรรมมาช่วยคิดค้นนวัตกรรมทางสังคมที่นำไปใช้ได้จริง โดยองค์กรทำหน้าที่สนับสนุนทางด้านทรัพยากรที่จำเป็น เช่น เงินทุน คน ข้อมูล และอื่น ๆ
การแก้ไขปัญหาทางสังคมต้องใช้เวลา เป็นไปได้ยากมากที่องค์กรจะพัฒนานวัตกรรมขึ้นมาและสำเร็จอย่างแพร่หลายในครั้งแรก ส่วนใหญ่นวัตกรรมจะต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันกับความต้องการใหม่ ๆ และความเปลี่ยนแปลงของทั้งคนและโลก ดังนั้น องค์กรควรมีการจัดตั้งทีมเฉพาะที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะและต่อเนื่อง รวมทั้งมีการตั้งเป้าหมายและการวางแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน
สุดท้ายนี้ การพัฒนานวัตกรรมทางสังคมควรเป็นวาระของคนทั้งองค์กร ไม่ใช่แค่ทีม CSR หรือ IT ที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ องค์กรควรสื่อสารให้คนในองค์กรทุกระดับเข้าใจถึงเป้าหมายของการทำนวัตกรรมองค์กรเพื่อสังคม ผลกระทบหากนวัตกรรมนี้เป็นรูปธรรม ความคืบหน้าของนวัตกรรมเป็นระยะ ๆ รวมถึงขอความร่วมมือจากคนในองค์กรจากทุกฝ่ายในการผลักดันให้นวัตกรรมองค์กรทางสังคมนี้สำเร็จ
และนอกจาก นวัตกรรมองค์กรเพื่อสังคม แล้ว ยังมีอีก 6 เทรนด์ ใน
Corporate Innovation & Transformation Trends 2021
ที่จะช่วยให้องค์กรของคุณ เปลี่ยนแปลงด้วยนวัตกรรม และก้าวทันโลกในปี 2021
สามารถดาวน์โหลดรีพอร์ตฉบับเต็ม พร้อมแนวทางปฏิบัติ ได้ที่ bit.ly/CorporateInnovationTrends2021
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างนวัตกรรมองค์กรได้ที่
Email: hello@riseaccel.com
Originally published at https://www.riseaccel.com on March 4, 2021.